คุณนายผู้ใจดี สาวใช้ชื่อแจ๋วผู้ซื่อสัตย์ และคนสวนชื่อชมคนขยัน...บทละครไทย ที่มีตัวละครเหล่านี้อยู่ ดูจะสร้างสีสันมากมาย แต่ในชีวิตจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือ?
"สวัสดีค่ะ ดิฉันขอฝากตัวด้วยนะคะคุณหมอ"
เสียงใสๆ คำพูดหวานๆที่หวานยิ่งไปกว่าน้ำผลไม้ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของป้าหมอ ดังขึ้นหน้าห้องตรวจเวลาบ่ายโมงตรง
คุณแก้วใจ เจ้าของเสียงหวานมาในชุดสีชมพู มีลูกไม้ห้อยตรงชายกระโปรง สิ่งที่โดดเด่นในตัวคุณ แก้วใจนอกจากจะเป็นเสียงหวานๆ แล้ว ยังมีเครื่องประดับราคาเฉียดแสนเฉียดล้านที่อยู่บนตัวของเธอ
"ดิฉันอาศัยอยู่กับแฟรงค์ สามีชาวต่างประเทศ เพียงลำพัง 2 คนเท่านั้นค่ะ เราไม่มีลูก ชีวิตในวัยชราของเรา 2 คนจึงมีเพียงกันและกันเท่านั้น" แต่ระยะหลังคุณแฟรงค์ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง เนื่องจากเขามีกิจการอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เวลาแฟรงค์ไม่อยู่ดิฉันก็มีเพียงศรีที่เป็นสาวใช้อยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น" เมื่อเล่าถึงจุดนี้ คุณแก้วใจดูจะมีอาการตัวสั่นเล็กน้อย คล้ายๆ กับว่ากลัวสิ่งใดอยู่
"ศรีอยู่กับเรามานานมากค่ะ ดิฉันกับสามีก็ให้ความสนิทสนมกับเธอเหมือนเป็นเพื่อน เราให้มากกว่าเงินเดือน เราจ่ายค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บยามป่วย มีของขวัญวันเกิดให้ เรากินอย่างไร เธอก็ได้กินอย่างนั้น เวลาคุณแฟรงค์กลับมาจากต่างประเทศก็จะมีของฝากให้ศรีด้วยเสมอ
คุณแฟรงค์ให้เงินเดือนศรีสูงกว่าคนจบปริญญา บางคนเสียอีก ศรีได้รับความไว้วางใจจากดิฉันและสามีมาก เธออยู่กับเรามาเป็น 10 ปี ดิฉันไว้ใจมากขนาดที่กล้าใช้เธอไปกดเอทีเอ็ม บอกรหัสและจำนวนเงิน ศรีก็ไม่เคยทำให้ความไว้ใจของดิฉันลดลงเลยนะค่ะ"
แต่ทุกอย่างในโลกก็มี 2 ด้าน มีด้านที่ดีก็ย่อมมีด้านที่ร้าย โดยเฉพาะกับมนุษย์ที่มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนดังที่สุภาษิตว่าไว้ "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน" ถึงที่สุดแล้วความผิดปกติในพฤติกรรมของศรีก็เริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อย...
"ใบแจ้งค่าโทรศัพท์ที่แจ้งยอดสูงกว่าปกติ ทั้งที่ดิฉันก็แทบจะไม่ได้ใช้ คุณแฟรงค์เองก็พักอยู่ต่างประเทศตลอดเวลา ดิฉันเก็บความสงสัยนี้ไว้กับตัว เพราะไม่อยากให้มีปัญหากับสมศรีตอนที่คุณแฟรงค์ไม่อยู่บ้าน แต่แล้วค่าโทรศัพท์ก็เพิ่มมากขึ้นๆ ทุกเดือน ดิฉันทนไม่ไหว ต้องเรียกสมศรีเข้ามาคุย"
"ศรี ฉันถามเธอจริงๆ นะ ค่าโทรศัพท์มันมากขึ้นๆ ทุกเดือน ถ้าหากเธอโทร.กลับไปต่างจังหวัด เพราะคิดถึงบ้าน ฉันก็จะไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่โทร.มากขนาดนี้ก็เกินไป" คุณแก้วใจเอ่ยถามสาวใช้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
"เอ่อ...คือว่า...หนู...โทร.ไปหาพี่อ๊อด...แฟนของหนูค่ะ" ศรีพูดพลางก้มหน้า เพื่อหลบสายตาคุณแก้วใจ
"นี่เธอมีแฟนแล้วเหรอศรี? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย" คุณแก้วใจเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะศรี แทบจะไม่ได้ออกไปนอกบ้านเลย
"หนู...เจอพี่อ๊อดเวลาออกไปซื้อกับข้าวให้คุณนายค่ะ พี่เขาทำงานเป็นยามที่โรงงานหน้าปากซอยค่ะ" สมศรีพูดพร้อมกับเอามือทั้งสองประสานกันแน่น เมื่อรู้ว่าตนเองทำผิดไป
"ฉันก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ ถ้าเธอจะมีแฟนมีความรัก ฉันเข้าใจ เธอก็เข้าวัยสาวเต็มตัวแล้ว แต่ก็อย่าใช้โทรศัพท์ให้มันมากไปนะ แล้วก็เลือกคบคนที่ไว้ใจได้" คุณแก้วใจ บอกกล่าวกับสาวใช้อย่างใจเย็น
หลังจากพูดคุยกันเป็นที่เข้าใจเรียบร้อย คุณแก้วใจ ก็คอยจับตาดูสมศรีอยู่ห่างๆ ด้วยเหตุที่กลัวนายอ๊อดคนนั้นจะมาหลอกสาวใช้ของเธอ
"คุณหมอรู้มั้ยค่ะ...หลังจากนั้นไม่นานพฤติกรรม ของศรีก็แย่ลงค่ะ เธอหายออกไปจากบ้านนานขึ้น บางครั้งดิฉันก็แอบเห็นนายอ๊อดมายืนเกาะรั้วคุยกับศรี งานบ้านที่เคยเรียบร้อยของเธอก็ดูจะแย่ลงไป
แต่แล้วเรื่องก็มาแย่ลงอีกค่ะ เมื่อศรีเริ่มแอบนำเอทีเอ็มของดิฉันไปกดโดยไม่ได้รับอนุญาต ในช่วงแรกดิฉันก็ยังไม่ทราบ จนพบว่าบัตรเอทีเอ็มที่ดิฉันใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์หายไป สร้อยทองคำที่วางไว้ในตู้หัวนอน ก็หายไปด้วย ดิฉันเริ่มมีความกังวลและกลัวมาก เพราะศรีคงจะขโมยไปให้แฟนหนุ่มของเธอแน่นอน จนดิฉันตัดสินใจพูดคุยกับศรีเป็นครั้งที่สอง"
"ศรี...เงินของฉันหายไปจากบัญชี สร้อยก็หายไป ถ้าเธอยอมรับว่าเอาไปฉันจะไม่แจ้งความ แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องไล่เธอออกนะ" คุณแก้วใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
"หนูไม่ได้เอาไปนะคะคุณนาย หนูจะเอาไปทำไม" ศรีปฏิเสธเสียงแข็ง
"ไม่เป็นไร ถ้าเธอบอกว่าไม่ได้ทำ ฉันก็จะไม่ถือสา เอาความ" คุณแก้วใจจบบทสนทนาลงทั้งที่รู้ว่าคนร้ายคือใคร
หลังจากนั้น คุณแก้วใจก็โทรศัพท์เล่าเรื่องของศรี ให้คุณแฟรงค์ที่อยู่ต่างประเทศฟัง คุณแฟรงค์ก็รับปากว่าหากจัดการกับงานเสร็จจะรีบกลับเมืองไทยทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น...คุณแก้วใจตื่นมาด้วยความสดชื่นตามปกติ แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน และเสียงนกร้องก็ดูจะเป็นปกติไม่แพ้ความสดชื่นของเธอ แต่มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป!!!
"ของมีค่าทุกอย่างหายไปหมดเลยค่ะคุณหมอ ข้าวของถูกรื้อกระจัดกระจาย ดิฉันตกใจมาก รีบวิ่งไปที่ห้องนอนของศรี" คุณแก้วใจที่นัยน์ตาเบิกโพลงพูดด้วยเสียงที่สั่นทา
แต่ทุกอย่างก็เป็นไปดังที่คาดไว้ ห้องนอนของศรีว่างเปล่า ไร้เงาร่างของสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์คนเดิม ศรีเก็บข้าวของหนีไป พร้อมกับสิ่งของมีค่าทุกอย่างภายในบ้าน
คุณแก้วใจรีบโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจและแจ้งข่าวร้ายกับคุณแฟรงค์ที่อยู่ต่างประเทศ แต่เนื่องจากคุณแฟรงค์ต้องรีบจัดการกับงานที่มีอยู่ จึงไม่สามารถบินกลับประเทศไทยได้ในทันที อย่างน้อยต้องใช้เวลา 5-6 วัน
"ดิฉันไม่อยากอยู่ที่บ้านคนเดียวค่ะ ดิฉันรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่อง ดิฉันก็นอนไม่หลับเลยค่ะ กังวลกลัวศรีจะกลับมาทำร้ายปิดปาก กังวลกลัวไปทุกอย่าง ดิฉันต้องทำอย่างไรดีค่ะคุณหมอ"
"คุณแก้วใจต้องย้ายไปพักที่อื่นสักระยะ เพื่อให้คลายความกังวลลงไป เพื่อให้อาการนอนไม่หลับหมดไป พยายามเลือกสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่เดินทางไปในที่เปลี่ยวๆ คนเดียว ต่อไปนี้คุณแก้วใจต้องไม่ใส่เครื่องประดับที่มากจนเกินไป เพราะเครื่องประดับเหล่านี้จะเป็นสิ่งจูงใจให้มิจฉาชีพ" ป้าหมอให้คำแนะนำ
คุณแก้วใจเข้ารับการรักษากับป้าหมอเพียง 2 สัปดาห์ อาการนอนไม่หลับและวิตกกังวลก็หมดไป
ทุกวันนี้คุณแก้วใจกลับมาเป็นแก้วที่สดใสเหมือนเดิม เวลาที่คุณแฟรงค์ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ คุณแก้วใจก็จะเดินทางไปด้วย โดยคิดเสียว่าไปท่องเที่ยว
ก่อนเดินออกไปจากห้องตรวจ คุณแก้วใจหันมายิ้มแล้วพูดว่า "เราสองคนจะไปอังกฤษ แล้วจะซื้อของมาฝากนะคะคุณหมอ"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณแก้วใจดูจะเป็นโชคดีในโชคร้าย โชคดีที่คนร้ายหยิบฉวยไปเพียงทรัพย์สิน ไม่ทำร้ายร่างกายของเธอ เพราะในปัจจุบันมักจะมีข่าวผู้สูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียวถูกทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์สินให้เห็นเป็นประจำ
ป้าหมอจึงอยากให้คุณผู้อ่านที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งต้องอยู่บ้านตามลำพัง คอยระแวดระวังตนเอง และพยายามเข้ากลุ่มผู้สูงอายุเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ให้ตนเองอยู่คนเดียวจนเกิดอาการฟุ้งซ่านหรือวิตกกังวล เพื่อให้ชีวิตในวัยชราของตนเองเต็มไปด้วยความสุข
สวัสดีค่ะ...