ในฉบับที่แล้วเราได้พูดถึงการดูแลผู้สูงอายุเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายกันไปบ้างแล้ว คราวนี้จะว่ากันให้จบ และต่อด้วยการดูแลผู้สูงอายุเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิต
การดูแลผู้สูงอายุเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย
6. อาหาร ผู้สูงอายุมักมีความเบื่ออาหาร อาหารตามปกติมักไม่ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความอยากอาหารขึ้นมาแต่อย่างใด ดังนั้นการเตรียมอาหารควรทราบว่าผู้สูงอายุชอบและไม่ชอบอะไร เพื่อจะจัดอาหารได้ถูกใจ ขณะเดียวกันอาหารจะต้องมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนด้วย ผู้สูงอายุบางคนจะเข้านอนแต่หัวค่ำ ฉะนั้นควรจัดหาอาหารเย็นให้ก่อนคนอื่นๆ และเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย ไม่ทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อขึ้นมาในเวลากลางคืน ทำให้นอนไม่หลับด้วย ขณะกินอาหารก็ไม่เร่งเร้าเพราะจะทำให้เกิดความเครียดและปฏิเสธการกินอาหารได้
น้ำ ควรให้ดื่มอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยให้ระบบการขับถ่ายและการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น การดื่มน้ำไม่จำเป็นต้องครั้งละหนึ่งแก้ว แต่อาจให้ทีละน้อยแต่บ่อยครั้งก็ได้ หรือให้เครื่องดื่มต่างๆที่มีประโยชน์ก็ได้ เช่น นม น้ำผลไม้
7. การดูแลการขับถ่าย ปัญหาการขับถ่ายจะพบมากในผู้สูงอายุ มักมีปัญหาท้องผูกเสมอ อุจจาระแข็ง ถ่ายไม่ออกจำเป็นต้องใช้ยาระบายหรือสวนออก ทำให้สุขนิสัยการถ่ายเปลี่ยนไป อาจเว้นวันหรือสองวัน ฉะนั้นการฝึกหัดการถ่ายให้เป็นปกติและสะดวกจึงจำเป็นมาก โดยให้กินอาหารที่มีกากพอสมควร และดื่มน้ำมากๆ ส่วนการถ่ายปัสสาวะมักจะถ่ายบ่อยขึ้น เพราะความจุของกระเพาะปัสสาวะลดลงหรืออาจจะถ่ายไม่หมด สำหรับผู้หญิงจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เพราะมีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะเนื่องมาจากการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อบริเวณฝีเย็บ ทำให้ถ่ายปัสสาวะไม่หมด อาจช่วยได้โดยให้ดื่มน้ำน้อยในเวลากลางคืน
ในผู้สูงอายุและผู้ป่วยสูงอายุเมื่อประสบปัญหาเรื่องการขับถ่ายจะต้องแก้ไขเพื่อให้ขับถ่ายได้สะดวก นอกจากนี้เครื่องใช้ต่างๆจะต้องเตรียมให้พร้อม เช่นหม้อถ่าย กระดาษชำระ ฯลฯ ควรมีพร้อมในห้องนอนโดยเฉพาะในเวลากลางคืนไม่ควรไปห้องส้วมเพราะอาจหกล้มเกิดอุบัติเหตุได้ ในรายที่ลุกไปไหนไม่ได้ก็ควรให้หม้อถ่ายแก่ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยได้ หลังถ่ายอุจจาระ ก็ต้องล้างบริเวณทวารหนัก ง่ามก้น และรอบๆก้นให้สะอาด เช็ดให้แห้ง และสังเกตลักษณะและปริมาณของอุจจาระและปัสสาวะว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เมื่อถ่ายเสร็จแล้วก็เททิ้งลงในส้วม ล้างให้สะอาดคว่ำตากแดดและเช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อก็ควรใส่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในหม้อถ่าย และทิ้งไว้สักครู่ก่อนเทลงส้วม แล้วจึงนำไปทำความสะอาดต่อไปเมื่อเสร็จแล้ว ผู้ดูแลก็ควรล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดด้วย
8. ความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ ผู้ชายมีปัญหาในการรักษาความสะอาดน้อยกว่าผู้หญิง เพราะผู้หญิงจะมีการขับสารบางอย่างออกมาทางช่องคลอด และการทำงานของผนังเซลล์ของช่องคลอดก็ทำงานลดลงแล้ว จึงทำให้เกิดการติดเชื้อและเป็นผลให้ช่องคลอดอักเสบได้ การทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่จึงจำเป็นต้องทำภายหลังการขับถ่ายทุกครั้งและซับให้แห้ง ชุดชั้นในก็ควรแห้งและสะอาดอยู่เสมอ จะลดการติดเชื้อได้มาก
9. การป้องกันอุบัติเหตุ สิ่งที่จะต้องระมัดระวังคือการใช้เตาไฟ หม้อน้ำร้อน หรือเครื่องไฟฟ้าต่างๆ ผู้สูงอายุมักมีความรู้สึกสัมผัสเสียไปบ้าง จึงมักเกิดไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นแผลพองได้ง่าย โดยบางครั้งไม่รู้ตัว ฉะนั้นควรมีเด็กโตหรือคนที่ไว้ใจได้ นอนอยู่ห้องเดียวกับผู้สูงอายุเพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือเมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ไม่ควรปล่อยให้นอนตามลำพัง
แสงสว่างในเวลากลางคืนเป็นสิ่งจำเป็น ภายในห้องหรือทางเดินภายในบ้านควรสว่างมากพอที่จะเห็นสิ่งต่างๆได้ชัด เพราะถ้ามืดสลัวอาจเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้ พื้นห้องไม่ควรขัดด้วยน้ำมันจนลื่น ในห้องน้ำควรระวังเรื่องฟองสบู่ และบริเวณที่มีน้ำชื้นแฉะอาจทำให้ลื่นล้มได้ง่าย
ห้องนอนของผู้สูงอายุควรอยู่ชั้นล่าง เพราะการขึ้นชั้นบนจะขึ้นลงบันไดลำบากและอาจพลัดตกบันไดได้ ถ้าจำเป็นต้องอยู่ชั้นบน บันไดก็ควรมีราวยึดเหนี่ยวได้ถนัด
การจัดข้าวของเครื่องใช้ก็ควรเป็นระเบียบ หยิบใช้สะดวก ไม่ควรวางของใช้ต่างๆตามทางเดิน เพราะผู้สูงอายุอาจจะเดินสะดุดและหกล้มได้
10. การพบแพทย์เพื่อดูแลเรื่องสุขภาพ และความสมบูรณ์ของร่างกาย ผู้สูงอายุควรจะมีการตรวจสุขภาพทุกๆ 6 เดือน และถ้ามีปัญหาอะไรไม่ควรซื้อยากินเอง เพราะผู้สูงอายุอาจจะได้รับอันตรายจากฤทธิ์ของยาได้ง่ายกว่าคนหนุ่มสาว
การดูแลผู้สูงอายุเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิต
ผู้สูงอายุก็เหมือนวัยอื่นคือต้องการความอิสระ ไม่ต้องการพึ่งพาใคร และต้องการไปทุกหนทุกแห่งที่ตนเองต้องการ แต่ความมีอายุได้จำกัดความสามารถและความต้องการของเขาเสียหมด ฉะนั้นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้ผู้สูงอายุเตรียมตัวเตรียมใจที่จะย่างเข้าสู่ความมีอายุเป็นสิ่งสำคัญ ยอมรับสภาพและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพราะวัยได้ สำหรับผู้ดูแลก็ต้องเข้าใจสภาพการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ และปฏิบัติต่อผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความสุข โดย
1. ให้ความรัก และยอมรับพฤติกรรมบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงตามวัย เช่น พูดเสียงดัง บ่น จู้จี้ โมโหง่าย หงุดหงิด ปรับตัวให้เข้ากับผู้สูงอายุได้ และแก้ปัญหาความคับข้องใจซึ่งอาจลดความเครียดทางอารมณ์ได้
2. กระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้สูงอายุ ยอมรับสภาพการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติโดยการเป็นผู้ฟัง ให้ผู้สูงอายุได้ระบายออกมาเพื่อจะได้ทราบความต้องการที่แท้จริงของผู้สูงอายุได้
3. สนับสนุนให้เข้ากิจกรรมทางสังคม เพื่อจะได้พบปะสนทนากับคนในวัยเดียวกัน ได้ศึกษาวิธีแก้ปัญหาของกันและกัน
4. ส่งเสริมให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และทำงานอดิเรก เพื่อความเพลิดเพลิน
5. ส่งเสริมการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด เช่น การลุกนั่ง กิจวัตรประจำวันของตนเอง เพื่อให้ผู้สูงอายุเห็นความสำคัญของตนเอง และสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติตนด้วย
6. ให้ความเคารพนับถือ ยกย่อง กระทำตนให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองมีค่าสำหรับครอบครัว
ความสุขที่สุดของผู้สูงอายุคือการเล่าถึงความหลังของชีวิตของตนเองให้ใครๆฟัง ชีวิตในวัยเด็ก หนุ่มสาว จนเป็นผู้ใหญ่ การเล่าอาจซ้ำๆซากๆ บางครั้งก็สับสน ผู้ดูแลไม่ควรขัดจังหวะ แต่ปล่อยให้ท่านเล่าไปอย่างมีความสุขจากการที่ได้คิดถึงความหลังนั้น
สำหรับผู้สูงอายุที่เลื่อมใสในศาสนาก็ควรหาโอกาสพาท่านไปวัดเพื่อฟังเทศน์ สนทนาธรรมหรือทำบุญเลี้ยงพระบ้าง เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความสุขใจมากขึ้น และเมื่อมีโอกาสว่างก็ควรพาผู้สูงอายุไปเที่ยวบ้าง เพื่อจะได้เห็นธรรมชาติหรือสถานที่ต่างๆ ไปเยี่ยมเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความว้าเหว่ในใจ หรือเกิดความรู้สึกว่าตนเองขาดเพื่อน
การดูแลและเอาใจใส่ผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่ดีที่ทุกคนพึงปฏิบัติ และเป็นความปรารถนาดีอย่างหนึ่งที่จะได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของตนอย่างดีที่สุด และต่อไปข้างหน้าทุกคนต่างก็จะเป็นผู้สูงอายุ หากได้ปฏิบัติต่อพ่อแม่ปู่ย่าตายายดังกล่าวแล้วด้วยความตั้งใจอันดี เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะเกิดความภาคภูมิใจว่า เคยให้ความดูแลผู้สูงอายุมาอย่างดีที่สุด ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีแล้ว เพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ท่านจะรู้ดีว่า ผู้สูงอายุปรารถนาอย่างไร และต้องการสิ่งใดบ้างจากลูกหลานของตน